11/4/56

7 Start Up


1.ทดลองซื้อสินค้าใช้เพื่อหาความประทับใจและเป็นผลิตผลของผลิตภัณฑ์
ถ้าเราไม่ลองซื้อสินค้ามาใช้เลย เราก็จะไม่มีทางรู้ว่าสินค้านั้นดีหรือไม่ เราจึงควรทดลองใช้สินค้าที่เราอยากลองดูซักชิ้น เพื่อหาความประทับใจ จะได้บอกต่อคนอื่นๆได้
2.ดู CD แนะนำธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ การเปิดโอกาสทางธุรกิจ
หากไม่รู้แผนธุรกิจ เราจะทำธุรกิจได้อย่างไร จริงไหมค่ะ? ดังนั้น เราก็ต้องศึกษาจาก Upline จาก Center หรือจาก CD จะได้รู้และอธิบายคนอื่นได้ด้วย เนื้อหาในส่วนนี้ เช่น
- การเปิดโอกาสทางธุรกิจ เช่น การพูด 4 Why ?     
- Why ? I join
- Why ? Network
- Why ? AimStar
- Why ? System
- ศึกษาแผนธุรกิจ การอธิบายแผนธุรกิจ
- รายละเอียดผลิตภัณฑ์ต่างๆ อะไรคือจุดเด่น อะไรคือความคุ้มค่า
3.ศึกษาข้อโต้แย้งต่างๆเพื่อเคลียร์ข้อสงสัยและเตรียมความพร้อม
สิ่งที่ให้ศึกษา ไม่ใช่ ให้ไปเถียงเพื่อนๆเวลาเขาปฏิเสธ แต่เนื้อหาเพื่อให้เราตอบคำถามเพื่อนๆของเราในแง่มุมต่างๆที่เขาสงสัย หรือเข้าใจผิด เกี่ยวกับธุรกิจ เช่น ธุรกิจนี้เป็นพวกแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า หรือว่า อย่ามาชวนเลยเราไม่ชอบขายของ ฯลฯ ถ้าเราอ่านวิธีตอบข้อโต้แย้งเหล่านี้ย่อมทำให้เรามีความรู้ สามารถอธิบายข้อสงสัยของเพื่อนๆเราได้
4.ดู Videos BTC ( Basic Traning Course ) เพื่อเรียนรู้ระบบการทำงานพื้นฐาน
เรียนรู้ธุรกิจพื้นฐาน BTC อย่างเป็นระบบ ใน CD จะแนะนำตั้งแต่ เราควรเริ่มตรงจุดไหนก่อน ควรทำอะไรก่อนเป็นลำดับ
5.จัดเวลาเข้าประชุม เข้า Center / หลักสูตรอบรมต่างๆ เช่น The Winner
                เพื่อเรียนรู้ระบบทำธุรกิจ เทคนิค ความรู้ในการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง เพราะการทำธุรกิจเอมสตาร์นั้น ไม่ได้เน้นไปที่เราต้องออกไปหาคนเยอะๆ หรือขายของเยอะๆ แต่เอมสตาร์เน้นไปที่ การสอน พัฒนาคน ให้ทำธุรกิจอย่างเข้าใจและถูกต้อง ดังนั้น การเข้า Center เพื่อศึกษาหาความรู้นั้นก็เป็นสิ่งสำคัญทีเดียว อีกทั้งยังเป็นการเติมกำลังใจในการทำธุรกิจ เพราะเราต้องพบเจอกับผู้ทำธุรกิจด้วยกันมากมาย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดกัน ซึ่งการอ่านเนื้อหาอยู่ที่บ้านเราจะได้ในจุดนี้น้อย
6.เมื่อมีความรู้แล้ว ก็ชวนเพื่อนๆ มาร่วมธุรกิจซัก 2 คน ซ้าย ขวา
7.รับรายได้ 30,000 – 50,000 บาท ภายใน 6 เดือน

9/4/56

Rich Dad Poor Dad


หนังสือ Rich Dad Poor Dad ( พ่อรวยสอนลูก )

ผู้เขียน   : Sharon L. Lechter, Robert T. Kiyosaki
ผู้แปล     : นันทวัน รุจิวงศ์ 

                เป็นหนังสือที่ให้แนวคิดในการสร้างตัว สร้างชีวิต เพื่อนำพาชีวิตให้หลุดพ้นไปจากสิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า "สนามแข่งหนู" เพื่อไปยังเส้นทางด่วนที่นำไปสู่ความมั่งคั่งและนำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน ซึ่งให้ทั้งคำสอนและคำแนะนำเกี่ยวกับความรู้เรื่องการเงิน ซึ่งไม่เคยมีใครสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนแม้กระทั่งในโรงเรียน คนส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องการเงิน ซึ่งเป็นเพราะโรงเรียนไม่เคยสอนวิชาการเงิน
                ผลที่เกิดขึ้นก็คือ คนส่วนใหญ่จะทำงานเพื่อเงิน และไม่เคยรู้วิธีใช้เงินทำงานแทนเรา หนังสือเล่มนี้จะแสดงให้เห็นว่า การทำงานเพื่อเงินเดือนสูง ไม่ช่วยให้ร่ำรวยได้ "บ้าน" ไม่ใช่ทรัพย์สินอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกัน แต่มันคือหนี้สินต่างหาก
                โรงเรียน ไม่เคยสอนเรื่องการเงินให้เด็กเลย ... ความแตกต่างของคำว่า "ทรัพย์สิน" และ "หนี้สิน" ... วิธีสอนลูกเรื่องการเงินและวิธีประสบความสำเร็จทางการเงินแม้ว่าการเรียนแบบเก่าๆ จะยังมีความสำคัญ แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับโลกปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้จึงให้ความรู้เรื่องการเงินและวิธีใช้เงินที่ดีที่สุด
                หนังสือเรื่องนี้ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะพ่อฝรั่งสอนให้ลูกรู้จัก "เส้นทางด่วน" ที่นำไปสู่ความมั่งคั่งและนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างรวดเร็ว

ตอนที่ 1 พ่อรวย พ่อจน
                พ่อทั้งสองของผู้เขียนต่างก็เป็นคนดี มีผู้เคารพนับถือมาก แต่มีคำสอนเรื่องการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว ผู้เขียนได้รับฟังคำสอนที่แตกต่างกันทั้ง 2 ด้านตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ทำให้ผู้เขียนต้องรู้จักวิเคราะห์พิจารณาในคำสอนตั้งแต่เด็ก


ตอนที่ 2 บทเรียนที่ 1 : คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน
                ผู้เขียนได้รู้จักกับพ่อของไมค์ และขอร้องให้สอนวิธีหาเงิน
ถ้าเธออยากทำงานเพื่อเงิน เธอไปเรียนเอาที่โรงเรียน แต่ถ้าอยากเรียนวิธีใช้เงินทำงานให้เรา ฉันจะสอน
การเรียนรู้วิธีใช้เงินทำงาน เป็นวิชาที่ต้องเรียนกันชั่วชีวิต
การขาดเงินนั้น แย่พอๆ กับการผูกติดกับเงินนั่นแหละ
อย่าให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการกระทำ รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องใช้สมองกำหนดการกระทำ
ตัวอย่างการพูดจากอารมณ์
ต้องหางานทำให้ได้
ฉันจะสอนให้เธอเป็นนาย ไม่ใช่เป็นทาสของเงิน
ที่สุดแล้วเราทุกคนเป็นลูกจ้าง แต่ในระดับที่แตกต่างกัน
ฉันอยากให้เธอหลีกเลี่ยงกับดัก ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยความกลัวและความโลภ
ถ้าเราควบคุมความต้องการได้ เราจะมีเวลาคิดไตร่ตรองมากขึ้น
หลายคนตั้งตารอวันเงินเดือนออก รอวันเงินเดือนขึ้น เพราะความกลัวและความต้องการ
เราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ความฝันและความสุข ไม่ใช่นอนก่ายหน้าผากกังวลว่าจะมีเงินให้ใช้ครบเดือนหรือไม่
ความเขลาไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ทำให้เกิดความกลัวและความโลภ
จำไว้ว่าการได้งานทำคือการแก้ปัญหาระยะสั้น ทุกคนคิดแค่วันเงินเดือนออก ปล่อยให้เงินมีอำนาจเหนือชีวิตพวกเขาจึงมีลักษณะคล้ายกันคือตื่นแต่เช้าไปทำงาน ไม่เคยหยุดคิดเลยว่า มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามั้ย’ “
ความคิดที่มาจากอารมณ์ที่ได้ยินบ่อยๆ
ทุกคนต้องทำงาน
คนรวยขี้โกง
ผมควรจะได้ขึ้นเงินเดือนมิฉะนั้นจะลาออก
ฉันชอบงานนี้เพราะมั่นคง
ความคิดที่ใช้สมอง
ฉันมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า

ตอนที่ 3 บทเรียนที่ 2 : ทำไมต้องรู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
การมีเงินมากๆ นั้น ไม่สำคัญเท่ากับการรู้จักวิธีรักษาเงินให้อยู่กับเราตลอดไป
พ่อจนจะเน้นให้อ่านมากๆ พ่อรวยจะบอกให้เรียนเรื่องเงิน

กฎข้อที่ 1 ต้องรู้ว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน
คนรวยเพิ่มทรัพย์สิน คนชั้นกลางเพิ่มหนี้สินโดยเข้าใจว่าเป็นทรัพย์สิน
ถ้าอยากรวย ต้องอ่านให้เข้าใจตัวเลขและคำอธิบายเบื้องหลังนั้น
ทรัพย์สินคือเงินใส่กระเป๋า หนี้สินคือเงินออกจากกระเป๋า
- พ่อของไมค์ไม่ใช่นักวิชาการ แต่ความรู้เรื่องการเงินทำให้เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- โรงเรียนมีไว้ผลิตลูกจ้างที่ดี ไม่ได้มีไว้ผลิตนายจ้าง
- พ่อจนมองว่าบ้านเป็นทรัพย์สิน พ่อรวยมองว่าบ้านเป็นหนี้สิน
- เครื่องวัดฐานะทางการเงินคือ ถ้าเราหยุดทำงานวันนี้ เราจะมีเงินประทังชีวิตต่อไปอีกนานเท่าใด
- เป้าหมายชีวิตของผมคือ การมีอิสระจากภาระทางการเงินทั้งปวง
- สมมติว่าผมมีทรัพย์สินที่ทำเงินได้เดือนละ 2000 เหรียญ และมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 2000 เหรียญ ผมสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินเดือนถึง 30 วัน
- ขั้นต่อไปคือ การนำรายได้จากทรัพย์สินกลับไปลงทุนในช่องหนี้สิน เพื่อขยายขนาดช่องทรัพย์สินให้โตขึ้น

ตอนที่ 4 บทเรียนที่ 3 : เพิ่มทรัพย์สิน ทำธุรกิจของตนเอง
- อุปสรรค์ทางการเงินส่วนหนึ่ง  มาจากการที่เรายอมทำงานเพื่อคนอื่นตลอดชีวิต
- ถ้าไม่เอารายได้มาซื้อทรัพย์สิน  คุณก็จะยังคงไม่มีความมั่นคงทางการเงินอยู่ต่อไป 
- รากฐานของคนชั้นกลางคือไม่กล้าเสี่ยง  ทำให้ยึดติดอยู่กับเงินเดือนและงานที่ทำอย่างเหนียวแน่น  เพราะที่นั่นเขารู้สึกว่า ปลอดภัย
- หลายคนไม่เคยคิดถึงข้อแตกต่างระหว่าง อาชีพ’ & ‘ธุรกิจ’ 
- คำถาม  คุณทำธุรกิจอะไร’ ‘คุณทำอาชีพอะไร
- ผมแนะนำให้คุณทำงานประจำไป แล้วค่อยๆ สร้างธุรกิจด้วยการลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างรายได้  ทุกบาททุกสตางค์ที่ใส่ลงในช่องทรัพย์สินจงอย่าให้ไหลออกมา ให้เงินนั้นทำงานให้คุณ 
- จงมุ่งมั่นทำงานประจำให้เต็มที่  พร้อมๆ กับสร้างช่องทรัพย์สินของคุณให้ใหญ่โตขึ้น
- คนรวยซื้อความสบายทีหลัง  แต่คนชั้นกลางมักซื้อความสบายก่อน
- คนรวยจะสร้างช่องทรัพย์สินให้ใหญ่โตพอที่จะสร้างรายได้กลับคืนมา  แล้วจึงนำรายได้นั้นไปซื้อความสะดวกสบายอีกที 

ตอนที่ 5 บทเรียนที่ 4 : ภาษี & ประโยชน์นิติบุคคล
- บริษัทเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุคคลธรรมดา  แล้วรายจ่ายบางอย่างได้รับการยกเว้นภาษีด้วย
ทุกครั้งที่ผมจัดสัมมนาเพื่อถ่ายทอดความรู้ จะกล่าวถึงหลักสำคัญของไหวพริบทางการเงิน 4 อย่าง  ดังนี้
1. ความรู้ทางบัญชี  -  อ่านงบการเงินให้เป็น
2. ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน  -  ศิลปะของการใช้เงินทำงาน
3. ความเข้าใจตลาด  -  อุปสงค์และอุปทานในตลาด
4. ความรู้เรื่องกฎหมาย
- คนรวยที่มีบริษัท              มักทำดังนี้   1) รายได้   à   2) รายจ่าย   à   3) เสียภาษี
- ส่วนลูกจ้างของบริษัท     มักทำดังนี้   1) รายได้   à   2) เสียภาษี   à   3) รายจ่าย  

ตอนที่ 6 บทเรียนที่ 5 : วิธีทำเงินของคนรวย
- ในชีวิตจริง  คนกล้ามักจะประสบความสำเร็จ  ไม่ใช่คนที่มีแต่ความฉลาด 
- ถ้าจะเก่งเรื่องเงิน  คุณต้องมีทั้งความรู้และความกล้า
- ถ้าคุณมีความรูเรื่องเงิน คุณก็มีโอกาสจะเจริญก้าวหน้าไปอีกไกล แต่ถ้าคุณไม่รู้  โลกนี้จะเป็นโลกที่น่ากลัวสำหรับคุณ 
- เมื่อ 300 ปีก่อน เจ้าของที่ดินคือเจ้าของขุมทรัพย์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นเจ้าของโรงงานและการผลิต  ในปัจจุบันเป็นยุคของการสื่อสารข้อมูลไร้พรมแดน  ใครมีข้อมูลมากที่สุดและทันสมัยที่สุดคือเจ้าของขุมทรัพย์ 
- เงินเล็กน้อย  ย่อมกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้  ถ้าคุณมีไหวพริบทางการเงิน 
ไหวพริบทางการเงิน ประกอบด้วยทักษะ 4 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้
1] ความเข้าใจ & ความสามารถในการอ่านตัวเลข
2] กลยุทธ์ในการลงทุน  - ศิลปะในการใช้เงินทำงาน
3] การตลาด  - อุปสงค์ & อุปทาน
4] กฎหมาย & กฎเกณฑ์  - ความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบทางบัญชี
มีนักลงทุนอยู่ 2 ประเภท พวกแรกชอบลงทุนแบบตรงไปตรงมา  อีกพวกชอบพลิกแพลงสร้างสรรค์ กว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทชอบสร้างสรรค์ได้ จะต้องหมั่นฝึกฝนนานวันด้วยทักษะต่างๆ ดังนี้
1.ทำอย่างไร  จึงจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
2.ทำอย่างไร  จึงจะได้เงินมาทำทุนโดยไม่ต้องกู้ธนาคาร
3.ทำอย่างไร  จึงจะได้คนฉลาดมาเป็นลูกจ้าง

ตอนที่ 7 บทเรียนที่ 6 : ทำงานเพื่อเรียนรู้  - อย่าทำงานเพื่อเงิน
- ผมอยากแนะนำให้คุณทำงานเพื่อประสบการณ์ & การเรียนรู้ที่คุณจะได้รับ  มากกว่าเพื่อผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน  และให้มองไปข้างหน้าว่าคุณยังขาดทักษะด้านใด  แล้วเสาะแสวงหาเพิ่มเติม 
- สำหรับคนที่ลังเลใจว่าจะออกแรงแสวงหาทักษะใหม่ๆ ดีหรือไม่  ผมอยากให้คิดถึงเวลาที่คุณไปออกกำลังกาย  ตอนที่ยากที่สุดคือการตัดสินใจว่า จะไปดีหรือไม่ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้แล้ว ที่เหลือสบายมาก ระหว่างออกกำลังกายคุณจะรู้สึกมีความสุข  มีความภูมิใจในตัวเอง  และเมื่อออกกำลังกายเสร็จคุณจะรูสึกดีใจที่ได้ตัดสินใจถูกต้อง 

ตอนที่ 8 ฟันฝ่าอุปสรรค์
แม้ว่าจะมีความรู้และไหวพริบทางการเงิน แต่บางคนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถทำให้ช่องทรัพย์สินโตขึ้นเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มากพอได้   สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก
1) ความกลัว
2) ความคิดด้านลบ
3) ความขี้เกียจ
4) นิสัย
5) ความหยิ่งทะนงตน
สาเหตุข้อที่ 1 ต้องเอาชนะความกลัวว่าจะต้องเสียเงิน
- ถ้ามีเงินน้อยแต่อยากรวย สิ่งที่คุณต้องทำคือ โฟกัส
สาเหตุข้อที่ 2 ขจัดความคิดด้านลบ
- ความกลัวโดยไม่มีเหตุผลทำให้เรากลายเป็นคนที่มองเห็นแต่ข้อเสีย 
สาเหตุข้อที่ 3 ความขี้เกียจ
- พ่อรวยสอนให้พูดว่า ทำอย่างไรจึงจะซื้อได้’  ห้ามพูดว่า ไม่มีปัญญาซื้อ
- คำว่า ไม่มีปัญญาจะก่อให้เกิดความรู้สึกเศร้าหมอง คำว่า ทำอย่างไรสร้างความกระตือรือร้น ความตื่นเต้น ต้องคิดเพื่อหาคำตอบ
- หากปราศจากกิเลศ ขาดความต้องการที่จะสร้างชีวิตให้ดีขึ้น  โลกจะพัฒนาได้อย่างไร
- คราวนี้เมื่อใดที่คุณพบว่าตนเองกำลังหลีกเลี่ยงสิ่งที่ควรกระทำก็ให้ถามตัวเองว่า แล้วเราจะได้อะไรจากการกระทำนี้บ้างเติมความอยากลงไปสักนิด จะได้ขจัดเอาความขี้เกียจออกไปจากตัวคุณได้ 
สาเหตุข้อที่ 4 อุปนิสัย
- พ่อจน มักจ่ายเงินให้คนอื่นก่อน เหลือเท่าไรจึงให้ตัวเอง 
- พ่อรวยสอนว่า ควรจ่ายให้ตัวเองก่อน ทีนี้ก็จะมีความกดดันที่จะต้องหาเงินมาจ่ายภาษีและเจ้าหนี้ทั้งหลายให้ได้    ความกดดันนี้จะทำให้คุณคิดหาแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น  และทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เจ้าหนี้มาโวยวายใส่หน้าคุณได้ 
- ถ้าจ่ายให้ตัวเองหลังสุด ไม่มีความกดดันก็จริง แต่จะไม่มีอะไรเหลือเลย 
สาเหตุข้อที่ 5 ความหยิ่งทะนงตน
- ความรู้ทำให้ได้เงิน  ความไม่รู้ทำให้เสียเงิน 
- จงขวนขวายหาความรู้จากหนังสือ  หรือจากผู้มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ

ตอนที่ 9 เริ่มต้นอย่างไรดี
บัญญัติ 10 ประการที่จะช่วยให้คุณมีพลัง
1.พลังใจ : เพื่อจะเอาชนะความจริงที่ขวางหน้า
- หลายคนอยากรวย แต่เมื่อหันมามองความจริงเขากลับท้อแท้ และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เป็นลูกจ้างขยันทำงานไปวันๆ ดูจะง่ายกว่าเยอะ
- ถ้าพลังความอยากของคุณยังไม่แรงกล้าพอ  หนทางแห่งความเป็นจริงก็ยังอีกยาวไกล 
- ถ้าคุณขาดพลัง  ขาดความมุ่งมั่น อะไรๆ ในชีวิตก็กลายเป็นเรื่องยากไปหมด 
2.เสรีภาพในการเลือก
- เมื่อมีเงินอยู่ในมือ คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกอนาคตของคุณว่าจะเป็นคนรวย  ชั้นกลาง  หรือคนจน
นิสัยการใช้เงินสะท้อนให้เห็นตัวตนของเรา  คนจนใช้เงินอย่างไม่ฉลาด 
- หลายครอบครัวสูญเสียทรัพย์สินเมื่อตกมาถึงรุ่นลูก  เพราะไม่เคยสอนให้ลูกหลานรู้จักวิธีดูแลรักษา
- คนจำนวนมากเลือกที่จะไม่รวย  ส่วนใหญ่คิดว่ากว่าจะรวยเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไปสำหรับเขา
มักชอบพูดว่า  ฉันไม่สนเรื่องเงินๆ ทองๆ หรอก’  ‘ไม่เห็นอยากรวยเลย’  ‘จะคิดให้ปวดหัวทำไม อายุยังน้อยแค่นี้
ผมให้แฟนดูแลเรื่องเงิน ผมไม่ยุ่งหรอกครับ
- คำพูดเหล่านั้นทำให้คุณสูญเสียประโยชน์ 2 อย่าง คือ เวลา & การเรียนรู้ 
- คุณมีสิทธิ์เลือกใช้เวลา ใช้เงิน และใช้สมองอย่างไรก็ได้
- ไม่มีเงิน ใช่ว่าคุณจะต้องหยุดการแสวงหาความรู้
- คนที่คิดว่าตนเองฉลาดแล้ว เก่งแล้ว มองอีกมุมหนึ่งคือคนที่ไม่กล้าเสี่ยง กลัวความผิดพลาด 
- คนฉลาดที่แท้จริง มักชอบฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยใจที่เปิดกว้าง พร้อมที่จะนำความคิดจากหลายๆ ด้านมาวิเคราะห์ประกอบเป็นความคิดใหม่ๆ ที่มีประโยชน์
3.เลือกคบเพื่อนด้วยความระมัดระวัง
- เพื่อนที่เป็นกลุ่มคนมีเงิน มักคุยแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ  เรื่องการลงทุน  เรื่องเศรษฐกิจ 
- ในกรณีที่คุณเล่นหุ้น บางครั้งก็จะมีข้อมูลวงในจากการพูดคุยกับเพื่อนกลุ่มนี้ 
- ในธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ หลักสำคัญที่ต้องจำไว้คือคุณต้องมีความมั่นใจในตนเองโดยไม่โอนอ่อนผ่อนตามเสียงข้างมาก กว่าจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งคนอื่นก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปจนหมดแล้ว
4.สร้างสูตรและเรียนสูตรใหม่ๆ : ประโยชน์จากการเรียนให้เร็วที่สุด
- สูตรเดียวที่สอนเกี่ยวกับเรื่องเงินในโรงเรียน คือ ทำงานเพื่อเงิน’ 
- ในสังคมปัจจุบัน ความได้เปรียบไม่ได้อยู่ที่คุณรู้อะไรแต่อยู่ที่คุณเรียนรู้สูตรใหม่ๆ ได้เร็วแค่ไหน 
5.ชำระหนี้ให้ตัวเองเป็นอันดับแรก : ประโยชน์จากการควบคุมตัวเอง
- ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คุณไม่มีวันรวย
- มี 3 ทักษะที่สำคัญสำหรับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจของตนเอง  ดังนี้
1) การบริหารกระแสเงินสด                
2) การบริหารบุคคลากร     
3) การบริหารเวลา
- นิสัยไม่ดีที่คนชั้นกลางชอบทำคือการแคะกระปุกแล้วเอาเงินออมมาชำระหนี้
- ถ้าอยากเป็นคนรวยต้องรู้ว่า เงินออมมีไว้เพื่อขยายช่องทรัพย์สิน ไม่ใช่มีไว้จ่ายหนี้
6.เลี้ยงนายหน้าของคุณให้ดี : ประโยชน์จากคำแนะนำที่ดี
- นายหน้าทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้คุณ คอยติดตามสถานการณ์เพื่อคุณจะได้มีเวลาไปตีกอล์ฟ 
- เชื่อหรือไม่ว่าคนจำนวนมากให้ทิปพนักงานเสริฟ์อาหารร้อยละ 15-20 ทั้งๆ ที่บริการไม่ได้ประทับใจนักหนา
แต่กลับลังเลที่จะจ่ายค่านายหน้าเพียงร้อยละ 3-7
- ทำไมเราทิปคนในช่องรายจ่าย มากกว่าคนในช่องทรัพย์สิน 
7.จงเป็นผู้ให้ : ประโยชน์จากการได้เปล่า
- นักลงทุนที่ฉลาดควรมองหาอะไรที่มากกว่าผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน นั่นคือทรัพย์สินที่ได้หลังจากได้เงินลงทุนครบถ้วนแล้ว นี่แหละคือไหวพริบทางการเงิน 
8.ทรัพย์สินซื้อความฟุ่มเฟือย : ประโยชน์จากการ โฟกัส
- เริ่มสอนลูกหลานและคนที่คุณรักเรื่องไหวพริบทางการเงินเสียแต่เนิ่นๆ ถ้าขาดไหวพริบทางการเงิน เงินจะฉลาดกว่าคุณ เพราะคุณอาจต้องทำงานเพื่อเงินไปตลอดชีวิต
9.ความจำเป็นต้องมีพระเอกในดวงใจ : ประโยชน์ของจินตนาการ
- วิธีนี้ทำให้ผมมีพลังพิเศษ เหมือนแรงดลใจที่ทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเราคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ 
10.สอนผู้อื่นแล้วคุณจะได้รับตอบแทน : อานิสงส์แห่งการให้
- ผมต้องการมีเครือข่าย  ผมแนะนำให้คนโน้นรู้จักกับคนนี้  ในทีสุดผมก็มีเครือข่ายกับคนจำนวนมาก 
- ไม่ว่าจะเป็นเงิน  ลูกค้า  ความรัก  ความสุข  ธุรกิจ  คุณต้องเริ่มต้นด้วยการให้ ถ้าไม่มีใครยิ้มให้ผม  ผมก็จะยิ้มให้เขาก่อน 

ตอนที่ 10 ข้อควรทำ
บางคนคิดแต่ไม่ทำ บางคนชอบทำโดยไม่คิด คุณควรจะอยู่ตรงกลาง
1) หยุดทุกอย่างแล้วพิจารณาว่าอะไรทำไปแล้วได้ผล อะไรทำไปแล้วไม่ได้ผล
2) มองหาความคิดใหม่ๆ
3) หาคนที่มีประสบการณ์  หรือที่เคยลงทุนแบบที่คุณสนใจ
4) สมัครเข้าสัมมนา  อบรม  หรือเรียนพิเศษ
5) เสนอราคา เพิ่มทางถอยไว้ด้วย ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหุ้นส่วน
6) เดิน  วิ่งออกกำลัง  หรือขับรถยนต์  ผ่านบางพื้นที่สักเดือนละครั้ง  เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
7) เรียนรู้เรื่องการเล่นหุ้น
8) ทำไมผู้บริโภคจึงไม่รวย
9) หาให้ถูกที่
10) ผมมองหาคนต้องการซื้อก่อน  แล้วจึงมองหาคนต้องการขาย
11) เรียนรู้จากประวัติศาสตร์
12) ลงมือทำได้แล้ว

Good Luck

หนังสือ  GOOD LUCK   
ผู้เขียน   : Fernando Trias de Bes, Alex Rovira
ผู้แปล    : สุพัตรา พิษณุวงษ์  และ หนึ่งฤทัย แรงสัมฤทธิ์ผล 


                จากการที่ติดตามผลงานความสำเร็จในธุรกิจของ คุณทอม  ธเนศ ลีลาภรณ์ 
ในธุรกิจเครือข่าย โดยใช้เครื่องมือ ธุรกิจเอมสตาร์ เน็ตเวิร์ค ในกลุ่ม Clover Group 
คุณทอม ได้แนะนำหนังสือเล่มหนึ่งคือ Good Luck เป็นนิทานสอนบทเรียนอันมีค่าที่ ชายชราสองคนมาเล่าสู่กันฟัง เกี่ยวกับความโชคดีและบัญญัติสิบประการของการมีโชคดี ช่วยชี้ให้เห็นถึงวิธีที่จะคว้าโอกาสเพื่อให้ได้รับความสำเร็จในชีวิต หนังสือเล่มนี้จะมาช่วยไขความลับของการมีโชคดีมาสู่คุณ

บัญญัติ 10 ประการ : กฎแห่งความโชคดี ที่ได้มาจากหนังสือเล่มนี้

# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 1
                โชคนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพราะว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเรา แต่โชคดีเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นด้วยตัวเอง ดังนั้นมันจะคงอยู่ตลอดไป

# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 2
                คนที่อยากจะมีโชคดีมีมาก แต่คนที่จะตัดสินใจไขว่คว้าหามาให้ได้มีน้อย

# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 3
                หากตอนนี้คุณไม่มีโชคดี บางทีอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมยังเป็นสภาวะเดิมๆ เพื่อให้ความโชคดีมาเยือน คุณจำต้องสร้างสภาวะใหม่ๆให้เกิดขึ้น

# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 4
                การเตรียมสภาวะที่เหมาะสมสำหรับโชคดี ไม่ได้หมายความว่าให้หาผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว การสร้างสภาวะที่เหมาะสมเพื่อให้คนอื่นได้รับประโยชน์ด้วยจะนำโชคดีมาให้
               
# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 5
                หากผัดผ่อนการเตรียมสภาวะที่เหมาะสม ไว้วันหน้าบางทีโชคดีอาจจะไม่มาเยือนเลย การสร้างสภาวะที่เหมาะสมต้องมีก้าวแรก เริ่มก้าวเสียแต่วันนี้!

# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 6
                แม้ในสภาวะที่ดูเหมือนว่าพร้อมแล้ว บางครั้งโชคดีก็ไม่มาเยือน จงมองหารายละเอียดเล็กๆน้อยๆ สภาวะที่ดูเผินๆเหมือนจะไม่จำเป็นแต่แท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 7
                คนที่เชื่อแต่เรื่องโชค จะเห็นว่า การสร้างสภาวะที่เหมาะสมเป็นเรื่องไร้สาระ คนที่ลงมือสร้างสภาวะที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น จะไม่กังวลเรื่องโชค
               
# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 8
                ไม่มีใครขายโชคได้ โชคดีนั้นไม่มีขาย จงอย่าเชื่อใจผู้เสนอขายโชค

# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 9
                เมื่อได้สร้างสภาวะที่เหมาะสมทุกประการแล้ว จงอดทนรอ อย่าละทิ้งไป เพื่อให้โชคดีมาเยือน จงเชื่อมั่น

# กฎแห่งความโชคดีข้อที่ 10
                การสร้างโชคดี ก็คือ การเตรียมสภาวะแวดล้อมให้พร้อมสำหรับโอกาส แต่โอกาสไม่ใช่เรื่องของโชคหรือความบังเอิญ โอกาสมีอยู่ตลอด

โชคดีมีอยู่เสมอ อยู่ที่ว่าเราจะสร้างสภาวะแวดล้อม
ให้พร้อมที่จะรับความโชคดีนั้นหรือเปล่า ที่จะเกิดได้ทุกโอกาส
ขอให้คุณประสบแต่ความโชคดีตลอดไป